Artificial Intelligence (AI) คืออะไร
ปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เรียกกันว่า AI คือ โปรแกรมที่ถูกเขียนและพัฒนาให้มีความฉลาด มีความสามารถคิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจได้ โดยการประมวลผลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ มากไปกว่านั้นยังสามารถดัดแปลงการประมวลผล ประยุกต์ ให้เป็นไปตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น Amazon Alexa และ Siri ดังนั้นงานประเภทใดก็ตามที่มีการทำงานเป็นรูปแบบ ก็สามารถถูกปัญญาประดิษฐ์แทนที่ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการขับรถ งานบัญชี หรือการวิเคราะห์การเงิน การลงทุน และสินเชื่อ แม้แต่งานที่ซับซ้อน ต้องใช้การคิด วิเคราะห์ ก็สามารถถูกแทนที่ได้เช่นกัน โดยสำหรับวงการเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) ก็มีการนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการกู้ยืมเงิน ธุรกิจประกัน การเรียกเก็บหนี้ หรือการทำ Credit Scoring ซึ่งหากเรารู้จักนำเทคโนโลยี AI มาใช้ให้เป็นประโยชน์ และรู้จักปรับตัว พัฒนาความรู้ และทักษะของตนเองอยู่เสมอ ก็จะสามารถสร้างรายได้ได้มากมาย
บทบาท AI ต่อการลงทุน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์ เข้ามามีส่วนสำคัญในการทำงานอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้จะเห็นได้ว่า มีการนำหุ่นยนต์มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันเริ่มมีการใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ แล้ว เมื่อพูดถึงการลงทุนถือว่า AI มีบทบาทสำคัญไม่น้อย โดยเทรนด์การนำหุ่นยนต์มาวิเคราะห์ และให้คำแนะนำในการลงทุน บนแพลตฟอร์มดิจิทัล เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เราเรียกกันว่า Robo Advisor ที่จะช่วยให้การลงทุนง่ายขึ้น และสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริการจัดการได้ดีขึ้น
ข้อดีของการใช้ Robo Advisor เพื่อการลงทุน
- เมื่อเปรียบเทียบระหว่างแพลตฟอร์มที่ใช้หุ่นยนต์วิเคราะห์ จะมีค่าธรรมเนียมระหว่าง 0.15% และ 0.4% ต่อปี ในขณะที่นักวางแผนทางการเงินอาจจะคิดค่าบริการราว 1-2% ต่อปี
- หากต้องการคำแนะนำจากนักวางแผนทางการเงิน คุณจะต้องใช้เงินในการลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากนักวางแผนทางการเงินบางคน อาจจะไม่รับงาน หากมูลค่าการลงทุนต่ำเกินไป
อย่างไรก็ดี ข้อเสียเปรียบเกี่ยวกับหุ่นยนต์ คือ มีบางอย่างที่ไม่สามารถทำได้เหมือนมนุษย์ เช่น การให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องภาษี หรือคำแนะนำทางการเงิน หรือคำแนะนำในการจัดลำดับความสำคัญ ของเป้าหมายทางการเงิน (เช่น ควรชำระหนี้ หรือ เก็บออมเงินก่อน) เป็นต้น
ลงทุนด้วย Robot หรือคนดีกว่ากัน?
การลงทุนไม่ว่าจะด้วย Robot หรือคน ย่อมมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป มีธุรกิจมากมายที่นำความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ มาเป็นตัวช่วยยกระดับธุรกิจ ในต่างประเทศก็มีการใช้ AI มาวิเคราะห์ และตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ โดยมีการป้อนข้อมูลทางปัจจัยพื้นฐาน รวมไปถึงข้อมูลตัวเลข และสถิติต่างๆ เพื่อใช้ในการประมวลผล ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีการประมวลผลจากฐานข้อมูลมหาศาลอย่าง Big Data โดยการหาความสัมพันธ์ที่คนอาจจะมองข้ามไป ซึ่งผลงานที่ออกมาถือว่าน่าพอใจทีเดียว แต่เรื่องนี้อาจจะใหม่อยู่สำหรับประเทศไทย เนื่องจากเรากำลังอยู่ในช่วงของการศึกษาทำความเข้าใจ
ดังนั้นหากถามว่าการลงทุนด้วยหุ่นยนต์ หรือ คน แบบไหนดีกว่ากัน อยากให้ลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า วัตถุประสงค์ในการลงทุนด้วยหุ่นยนต์ของคุณคืออะไร? หากการลงทุนของคุณในปัจจุบันมีจุดบอดที่ควรได้รับการแก้ไข ก็ย่อมมีประโยชน์หากมีหุ่นยนต์มาเป็นตัวช่วย เช่น การมอนิเตอร์สภาพตลาด การวิเคราะห์และมองหาหุ้นที่ควรเข้าซื้อ หรือดำเนินการส่งคำสั่งซื้อและขายแทนเรา ทำให้เราไม่ต้องตัดสินใจลงทุนด้วยอารมณ์ และไม่ต้องคอยเฝ้าอยู่หน้าจอตลอดเวลา แต่หากปัจจุบันการลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพดีอยู่แล้ว ก็อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนกับหุ่นยนต์เพื่อการนี้ ไม่ว่าจะอย่างไร AI ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรศึกษาเอาไว้ เพราะในอนาคตเชื่อว่าจะมีการพัฒนาให้หุ่นยนต์ มีความสามารถ ทักษะ และความฉลาดเพิ่มขึ้นไปอีก
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น